วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2550

การแต่งงาน..แด่หนุ่มสาวผู้ศรัทธา


1. ด้วยพระนามแห่งผู้อภิบาลฉันบรรจงกลั่นสาส์นนี้ บิสมิลลาฮฺ คือจุดเริ่มของชีวิต หน้าที่และภารกิจทั้งมวล เพราะมันคือพันธสัญญาของบ่าวผู้มีสถานภาพเพียงฝุ่น ที่ปฏิญานอยู่เบื้องหน้าผู้อภิบาลที่ไม่มีใครเข้าใจขอบเขตอำนาจของพระองค์ ว่าข้าพระองค์จะถอดถอนเจตนาที่ไร้สาระทั้งหมด จะเพาะปลูกเจตนาบริสุทธิ์เพื่อเป็นกำแพงกั้นไฟนรก และจุดเทียนแท่งน้อย ตีแผ่สัจธรรมที่ถูกละเลย ข้าพระองค์จะเป็นเช่นทหารของพระองค์ ที่พร้อมจะอยู่ในกรอบแห่งชารีอัต ด้วยนัฟซูที่หลงไหลวิถีชีวิตแบบอัล-อิสลาม ที่วางกรอบวินัยไว้อย่างเข้มแข็ง ข้าพระองค์จะรอคอยคำสั่ง เพื่อสนองตอบอย่างสยบราบคาบ

2. เมื่อมุอฺมินตั้งแถวละหมาดอย่างจดจ่อ อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ปลดเปลื้องความโสโครกในหัวใจของเขา และห่อหุ้มเขาให้พ้นจากความชั่วด้วยเกราะที่แน่นหนา
เมื่อมุอฺมินถือศีลอด อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ได้มอบให้แก่เขาซึ่งโล่ห์แห่งความยำเกรงที่สามารถปกป้องเขาจากลูกธนูแห่งการหลงโลก และความเลยเถิด
เมื่อมุอฺมินจ่ายซะกาต เลือกบริโภคแต่สิ่งที่ฮาลาล แสวงหาปัจจัยยังชีพด้วยวิธีการที่ฮาลาล อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้ทำให้ร่างกายของเขาไร้คุณค่าแก่ไฟนรก
เมื่อมุอฺมินอดทนต่อการทดสอบ และผ่านพ้นวิกฤติการณ์ที่เลวร้ายไปได้ด้วยน้ำตาและอีมาน ซัยตอนจะท้อแท้ เปลี่ยนทิศทางการโจมตีด้วยความโกรธแค้น
เมื่อมุอฺมินขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ(ซ.บ.) ด้วยความจริงใจในความผิดที่เขาเคยทำ และตั้งใจที่จะไม่หวนกลับไปทำอีก ซัยตอนได้หันหลังให้เขาอย่างเศร้าสลด
และเมื่อมุอฺมินและมุอฺมินะฮฺเข้าสู่การนิกะฮฺ เพื่อปกป้องตัวเองจากนัฟซูแห่งกามารมณ์ ประตูแห่งฟิตนะฮฺของซินาได้ถูกปิดลง ซัยตอนต้องรับสภาพความหมดหวัง

3. โรคหลงโลกระบาดในยุคสุดท้าย มุสลิมไม่น้อยที่มีเปลือกสวยงาม แต่เนื้อในอ่อนแอ ปล่อยลูกหลานวัยสาวเดินบนหน้าแผ่นดินโดยไร้ฮิญาบป้องกัน
อารมณ์ และเหตุผลอยู่เหนือหลักการแห่งอัล-อิสลาม
อาชีพ การงานสำคัญกว่าชารีอัต
ความอยู่รอดเชิงวัตถุ สำคัญกว่าความอยู่รอดของอีมาน ค่านิยมสำคัญกว่าสุนนะฮฺ
ความอยู่รอดส่วนตัวสำคัญกว่าความอยู่รอดของอุมมะฮฺ
ไขว่คว้าหาความเข้มแข็งจากอีมานที่อ่อนแอ
สร้างตึกร้อยชั้นโดยปราศจากเสาเข็มแห่งอากีดะฮฺที่ถูกต้อง
อิสลามที่ยืมรากวัตถุนิยม ลำต้นแห่งปรัชญาเหตุผลตะวันออกและตะวันตก แล้วเสียบยอดด้วยอิสลามที่แคระแกร็น แต่กลับฝันหวานถึงความรุ่งโรจน์ของมุสลิมเหมือนอดีต ทั้งที่วิธีคิดและวินัยของคนยุคนั้นแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง

4. ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไปไม่ถึงอาคีเราะห์ พ่อแม่ญาติพี่น้องของเด็กหนุ่ม แสวงหาเจ้าสาวที่ออกทำงาน มาตรแม้นว่าเธอจะรู้จักฮิญาบหรือไม่ก็ตาม มาตรแม้นว่าเธอจะทำหน้าที่ภรรยาและแม่ได้หรือไม่ก็ตาม บางทีเธอไม่รู้จักตออัตต่อสามี ชอบโต้เถียงในสิทธิของเขา เรียกร้องความเท่าเทียมกันของผู้หญิงผู้ชายที่มีภาระและบทบาทต่างกัน หญิงที่เตรียมตัวเป็นภรรยาและแม่ เพาะบ่มอีมาน อามัล และความเข้าใจศาสนา แต่ไม่แสวงหาอาชีพ ได้ถูกมองข้ามครั้งแล้วครั้งเล่า จนเธอต้องออกไปทำงานนอกบ้าน เผื่อว่าจะมีชายหนุ่มที่หลงโลกมาขอเธอแต่งงาน! ไม่ใช่ว่าการออกไปหาเลี้ยงชีพของมุสลิมะฮฺในภาวะจำเป็นนั้นเป็นสิ่งผิดพลาด เพราะไม่มีใครมีสิทธิกำหนดว่าสิ่งฮาลาลของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)เป็นสิ่งต้องห้าม และไม่มีข้อสรุปใดๆ ว่าหญิงที่หาเลี้ยงชีพจะมีอีมานและอามัลด้อยกว่าหญิงผู้ที่หมกตัวอยู่ในบ้านเรือน แต่…ความบิดเบี้ยวที่มองเห็นว่าค่าของผู้หญิงนั้นต้องดูที่การงานเป็นหลักนั้น เป็นวิธีคิดที่สั้น น่าสงสาร

5. มุสลิมในปัจจุบันกำลังถูกหลอกให้สวมแว่นวัตถุนิยม ด่วนสรุปว่าการแต่งงานในวัยที่อายุน้อยเป็นความผิดพลาดที่น่าอับอาย ทั้งๆ ที่ท่านหญิงอาอีชะฮฺ(ร.ด.) แต่งงานกับท่านศาสดา(ศ็อลฯ) เมื่อเธออายุเพียง 9 ขวบ และการแต่งงานในวัยหนุ่มน้อยปรากฏทั่วไป บนหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม เมื่อสวมแว่นวัตถุนิยม มุสลิมจะมองว่าหญิงหรือชายควรแต่งงานเมื่อเรียนจบ และมีงานทำ ถึงแม้ว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะไม่รู้จักยูนุบก็ตาม แต่ถ้าเขาสวมแว่นอิสลาม เขาจะมองเห็นว่าหญิงหรือชายควรแต่งงานเมื่อเขาบรรลุศาสนภาวะ เข้าใจและสามารถอยู่ในกรอบของชารีอัต ครอบครัวใหม่มีปัจจัยยังชีพเพียงพอและคู่บ่าวสาวสามารถสร้างครอบครัวแบบอิสลาม และเมื่อเขาเห็นว่าการแต่งงานจะปิดประตูซินา! ถึงแม้ว่าบ่าวสาวจะมีอายุแค่ 15 ปีก็ตาม ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเรียนจบมีงานการที่มีเกียรติหรือไม่ก็ตาม การแต่งงานในอิสลามมีไว้เพื่อปกป้องฟิตนะฮฺของการซินา และสร้างครอบครัวอิสลาม ไม่ใช่เพื่อปกป้องเกียรติยศ หน้าตา หรือแสวงหาผลประโยชน์เชิงวัตถุตามแนวทางที่ค่านิยมร่วมสมัยของสังคมยุคนี้ต้องการ

6. คนที่สติปัญญาถูกความคิดร่วมสมัยครอบงำได้กล่าวว่า "หนุ่มสาวควรแต่งงานเมื่อบรรลุวุฒิภาวะ และมีอาชีพการงาน" และเมื่อถูกถามต่อว่า "อะไรคือวุฒิภาวะ" เขาจะตอบว่า "หนุ่มสาวที่จะแต่งงานควรมีอายุมากกว่า 25 ปี" และเขาตำหนิมุสลิมในรุ่นพ่อแม่ และปู่ย่าตายายที่แต่งงานตั้งแต่อายุน้อย เขาไม่สำนึกหรือว่า คนในยุคนี้แม้แต่งงานช้า แต่กลับมีการหย่าร้างสูงกว่า คนแต่งงานเร็วในยุคก่อน ยิ่งในสังคมที่ศิวิไลซ์ เขาทั้งหลายจับหางของผู้เป็นทาสแนวคิดตะวันตกไว้แน่น เดินตามกันเหมือนไร้สมอง ความจริงแล้ว อิสลามถือว่าเงื่อนไขของผู้บรรลุวุฒิภาวะคือจะต้องบรรลุศาสนภาวะ พร้อมจะอยู่ในกรอบของชารีอัต ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุน้อยก็ตาม และเหตุผลหลักของการหย่าร้างที่สูงขึ้นของคนในยุคนี้ ถึงแม้ว่าสามีภรรยาจะมีอายุมากกว่า 25 ปี ก็ตาม ก็คือเขาเหล่านั้นกลับยังไม่บรรลุศาสนภาวะ เขาไม่เคยคิดที่จะเอาชารีอัตมาใช้ในการแก้ปัญหาครอบครัว แต่กลับแก้ปัญหาด้วยอารมณ์ และเหตุผลที่หาข้อยุติไม่ได้ มีคนโต้แย้งว่า ก็เพราะอย่างนี้นะซิ ในยุคนี้จึงควรแต่งงานช้า! คงไม่ผิดเสียทีเดียว…แต่ทั้งหมดนั้นเป็นเพียงดัชนีชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวในการตัรบียะฮฺอุมมะฮฺของเราในยุคนี้!

7. บางคนกล่าวว่า "ฉันยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานเพราะไม่มีเงินค่าสินสอด" โอ้อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ได้โปรดอภัยแก่บ่าวผู้โง่เขลาของพระองค์ที่ทำให้สิ่งฮาลาลของพระองค์คับแคบ พึงจดจำ! ถ้าฮาลาลถูกทำให้คับแคบ ทางสู่ฮารอมจะถูกเปิดกว้าง กระแสนัฟสูของมนุษย์เสมือนกับกระแสน้ำที่ถูกรวบรวมจากฟากฟ้าอย่างต่อเนื่อง หากร่องแม่น้ำแห่งฮาลาลถูกปิดกั้น นัฟสูจะเอ่อล้นตลิ่งที่เป็นกรอบของอัล-อิสลาม ฟิตนะฮฺก็จะบ่าล้นไปทั่วทั้งแผ่นดิน !
ไม่มีใครสามารถยับยั้งสตรีในสิทธิที่จะเรียกมะฮัรด้วยทองกองพะเนิน เพราะมันคือสิ่งที่อนุมัติ และแท้จริงสิ่งที่ฮะลาลโดยตัวของมันเองไม่ใช่รากเหง้าของปัญหา ดังนั้นมะฮัรที่สูงลิ่วจึงเป็นเพียงปัญหาปลายเหตุและเป็นเพียงดัชนีบอกระดับของการละเลยสุนนะฮฺของท่านศาส ดา (ศ็อลฯ) มูลเหตุแท้จริงของปัญหาการตั้งมะฮัรสูง คือความหลงโลก ละเลยสุนนะฮฺ โรคร้ายของมนุษย์ยุคสุดท้าย แสดงอาการออกมาหลายรูปแบบ และรูปแบบหนึ่งคือ การโอ้อวดกันด้วยมะฮัร ! โอ้คนหนุ่มของเรา…อย่าเพิ่งสิ้นหวัง เมื่อมุสลิมะฮฺที่ท่านทั้งหลายหมายปอง ได้สร้างความลำบากให้แก่ท่าน ก็ยังมีมุสลิมะฮฺอีกจำนวนไม่น้อยที่เรียกมะฮัรต่ำ เธอเหล่านั้นส่วนหนึ่งคือผู้มีอีมาน และเข้าใจสุนนะฮฺ เธอคือสตรีกลุ่มแรกที่ควรแก่การเลือกสรร พวกเธอยังไม่สูญพันธุ์ แต่มีอยู่เฉพาะในเขตสงวน ที่พวกท่านต้องไปค้นหาเอง !

8. เรามักจะได้ยินคนพูดกันว่า " มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้กำหนดคู่ครองไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ใช่คู่กัน จะพยายามเท่าไรก็ไม่สำเร็จ" คำพูดนี้ถูกต้อง… แต่ทั้งผู้พูดและผู้ฟังมักจะตีความผิดพลาด เพราะบางคนเข้าใจว่า "ริสกีอย่างอื่นจะได้มาก็ต้องด้วยการขวนขวาย แต่เป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่จะขวนขวายหาคู่ครอง เพราะเป็นเรื่องที่ได้ถูกลิขิตไว้แล้ว ดิ้นรนไปก็แค่นั้น" ความจริงแล้ว ริสกีทุกอย่างของมนุษย์คนหนึ่งนั้น อัลลอฮ(ซ.บ.)ฺได้กำหนดไว้แล้ว และการกำหนดของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)ในเรื่องคู่ครองก็ไม่มีอะไรพิเศษไปจากริสกีอื่นๆ มนุษย์ทุกคนต้องขวนขวายแสวงหาคู่ครอง เหมือนที่แสวงหาริสกีอื่นๆ เพราะการลิขิตของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)นั้นมีเพื่อความง่ายดายแก่ผู้อุตสาหะ และลิขิตของพระองค์ไม่ใช่ข้ออ้างแก่ผู้ที่ถลำเข้าสู่ความชั่ว เพราะการเลือกคู่ครองที่ผิดพลาด

9. โอ้… สตรี ผู้เป็นเช่นมารดาของประชาชาติทั้งหลาย การดูแลเอาใจใส่สามี และการเลี้ยงดูลูกหลาน อบรมเยาวชนด้วยเบ้าหลอมแห่งอัล-กุรอานและสุนนะฮฺคือภารกิจหลักที่ยิ่งใหญ่และหนักอึ้ง สวรรค์ของเธออยู่ที่ความพึงใจของสามี และความสมบูรณ์ของภารกิจในบ้านเรือน มันคือวายิบเหนือพวกเธอ ส่วนการแสวงหาปัจจัยยังชีพ สำหรับเธอเป็นเพียงสิ่งที่อนุมัติ หรือบางทีอาจจะเป็นสุนัต และเธอคงทราบดีว่า สิ่งที่เป็นสุนัตจะเบาเหมือนฝุ่นถ้าสิ่งวายิบถูกละเลย ฉันเตือนพวกเธอ เพราะเกรงว่าพวกเธอจะหลงทาง สายตาของเธออาจจะมองไปแค่ระยะสั้นๆ เห็นเพียงความอยู่รอดในดุนยานี้ และลืมภาระอันยิ่งใหญ่ สตรี… สำหรับเธอ สามี ลูกและบ้านคือสะพานสู่สวรรค์ จงให้เกียรติและเชื่อฟังสามีอย่างบ่าวสยบต่อราชา ตราบเท่าที่เขาปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบของชารีอัต เพราะเขาคือผู้ปกครองสูงสุดของเธอ เขาจะต้องได้รับการเชื่อฟังยิ่งกว่าพ่อและแม่แท้ๆ
เธอจะต้อง… ดูแลทรัพย์สินของสามี ไม่ให้ผู้ที่เขารังเกียจเข้าบ้าน
เธอจะต้อง…ยอมรับในสิทธิของสามี และยอมรับการตัดสินปัญหาต่างๆของเขาที่ไม่ขัดกับชารีอัต
เธอจะต้อง…ไม่โต้เถียง ขึ้นเสียง กับสามีเมื่อมีความเห็นที่ขัดแย้ง แต่ควรแสดงความคิดเห็นอย่างนิ่มนวล
เธอจะต้อง…ไม่กดดันสามีด้วยภาระที่เกินความสามารถของเขา
เธอจะต้อง…รักษาความงามเพื่อเขา
เธอจะต้อง…ให้เกียรติญาติพี่น้องของเขา
เธอจะต้อง…ไม่ออกจากบ้าน นอกจากได้รับอนุญาตเสียก่อน
สตรี…ฉันอยากเตือนเธอว่า ชาวนรกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เพราะเธอเหล่านั้นไม่เคารพสิทธิของสามี และลุ่มหลงอยู่กับอาภรณ์เครื่องประดับ
โอ้! สตรี… ฉันจะประกาศข่าวดีแก่เธอทั้งหลายว่า การภักดีต่อสามี และการยอมรับในสิทธิของสามีนั้นมีผลบุญเทียบเท่ากับการญิฮาดของบุรุษ ความจริงพวกเธอโชคดีกว่าบุรุษหลายเท่า ถ้าเธออดทน!

10. โอ้! บุรุษ…ผู้เป็นสามี ท่านคือผู้ปกครองแห่งสตรี สิทธิของท่านเหนือภรรยานั้นมาพร้อมโซ่ตรวนแห่งภาระ อย่ามักง่ายต่อมัคลูกที่เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน เพราะเธอถูกสร้างจากกระดูกซี่โครงที่คด หากจะดัดให้ตรงมันจะแตก และหากท่านปล่อยไว้มันจะคดอย่างถาวร
โอ้…ผู้ปกครองของสตรี จงรักษาสิทธิของภรรยาของท่านอย่างเคร่งครัด
จง…ให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มและอาหารอย่างดีแก่พวกนาง
จง…อยู่ร่วมกับพวกนางด้วยคุณธรรมและยุติธรรม
จง…อดทนต่อมารยาทที่ไม่งามของพวกนาง ตอบโต้นางอย่างนิ่มนวล
จง…ยอมผ่อนปรน และให้อภัยเมื่อพวกนางได้ละเมิดสิทธิของท่าน
แต่จง…อย่าผ่อนปรนถ้าพวกนางละเมิดสิทธิต่างๆของอัลลอฮฺ(ซ.บ.)
จง…เจียระไนพวกนางด้วยการตัรบียะฮฺที่เข้มข้น
จง…สำทับพวกนางให้รักษาเอาเราะฮฺ อย่างเคร่งครัด
จง…อย่าปล่อยให้พวกนางใช้ชีวิตอย่างไร้สาระด้วยเสียงดนตรี ภาพยนตร์ และหนังสือนวนิยาย
จง…เคารพ ให้เกียรติ ชื่นชมพวกนาง
จงอย่า…กำหนดภาระแก่นางในสิ่งซึ่งควรจะเป็นภาระของตัวท่านเอง
จงอย่า…เอาความลับของนางมาตีแผ่
จง…อนุญาตให้นางไปเยี่ยมพ่อแม่ ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน
จงห้ามปราบ…ไม่ให้พวกนางไปสมาคมกับหญิงผู้ฝ่าฝืน
จงอย่า…กลับบ้านดึก ทิ้งพวกนางไว้ให้รอคอยท่ามกลางความไม่แน่นอน
ท่านไม่ควรที่จะ…ใช้ทรัพย์สมบัติของพวกนางโดยที่พวกนางไม่เต็มใจ
จง…ตั้งใจฟังพวกนาง เมื่อนางพูดจาหรือให้คำแนะนำ และจงมีมารยาทอ่อนโยน สม่ำเสมอ
จงรู้เถิดว่า…ท่านไม่ได้โชคดีกว่าพวกนางที่อัลลอฮฺ(ซ.บ.)ได้กำหนดให้ท่านมีอำนาจเหนือพวกนาง เพราะเพียงพวกนางปฏิบัติฟัรดู เชื่อฟังท่านและเคารพสิทธิของสามี พวกนางก็สามารถเข้าประตูสวรรค์ได้ตามประสงค์ พวกนางไม่ต้องรับผิดชอบในบาปของท่าน!
ท่านจะต้อง…ดิ้นรนหาปัจจัยยังชีพให้แก่พวกนาง และทายาทของนาง นั่นคือ ท่านคือผู้ต้องออกสู่สมรภูมิทั้งในยามสงครามและยามสงบ
พวกท่านคือกำแพงที่มีชีวิตปกป้องพวกนางและผู้อ่อนแอทั้งหมด
พวกท่านจะต้องเข้มแข็ง และอดทน ทั้งภายนอกและภายใน
พวกท่านทั้งหลายจะต้องเตรียมพร้อมที่จะนำทัพครอบครัวจากดุนยานี้ไปสู่อาคีเราะห์โดยปลอดภัย
จงอย่า…คล้อยตามนัฟสูของพวกนาง และนัฟสูของตัวท่านเอง เพราะท่านคือแม่ทัพ หรือทหารของอัลลอฮฺ(ซ.บ.) ที่ฟังเพียงการบัญชาการของพระองค์เท่านั้น และพวกเราทั้งหลายจะประกาศว่า
โอ้…ผู้อภิบาลของเรา พวกเราจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีแก่พระองค์


อามีน

การ์ดเชิญร่วมงานวาลีมะฮ์

ภาพวันนิกะฮ์






















วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2550